ข้ามไปเนื้อหา

ซูบารุ เลกาซี

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ซูบารุ เลกาซี
ซูบารุ เลกาซี รุ่นที่ 6
ภาพรวม
บริษัทผู้ผลิตซูบารุ
เรียกอีกชื่อซูบารุ ลิเบอร์ตี (ออสเตรเลีย, จนถึง พ.ศ. 2563)
ซูบารุ B4 (อิสราเอล)
Isuzu Aska (เฉพาะรุ่นแรก)
เริ่มผลิตเมื่อพ.ศ. 2532 - 2568
(พ.ศ. 2532 - 2560; ญี่ปุ่น / พ.ศ. 2532 - 2568; สหรัฐอเมริกา)
ตัวถังและช่วงล่าง
ประเภทรถยนต์นั่งขนาดกลาง
รูปแบบตัวถังรถซีดาน 4 ประตู, 5 ประตู วาก้อน
โครงสร้างเครื่องวางหน้าตามยาว, ขับเคลื่อนล้อหน้า (พ.ศ. 2532–2542)
เครื่องวางหน้าตามยาว, ขับเคลื่อนสี่ล้อ (พ.ศ. 2532–ปัจจุบัน)
รุ่นที่คล้ายกันฮอนด้า แอคคอร์ด
โตโยต้า โคโรน่า/คัมรี่
นิสสัน เซฟิโร่/เทียน่า
มาสด้า 626/6
ฮุนได โซนาต้า
โฟล์กสวาเกน พาสสาต
มิตซูบิชิ กาแลนต์
ฟอร์ด ทอรัส
คาดิแลค ซีทีเอส
เมอร์คิวรี มิลาน
เชฟโรเลต มาลิบู
ระบบส่งกำลัง
เครื่องยนต์1.8 L EJ18 H4 จนถึง 3.6 L EZ36 H6
ระยะเหตุการณ์
รุ่นก่อนหน้าไม่มี
รุ่นต่อไปซูบารุ เลอวอร์ก (วาก้อน; หลังจากรุ่นที่ 5)

ซูบารุ เลกาซี (อังกฤษ: Subaru Legacy) เป็นรถยนต์นั่งขนาดกลาง และเป็นรถธง ของค่ายรถยนต์ซูบารุ จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเดิมนั้น ซูบารุออกแบบให้เลกาซีเป็นรถยนต์ขนาดกลางทั่วๆ ไป เพื่อต้องการแข่งขันกับ ฮอนด้า แอคคอร์ด และ โตโยต้า คัมรี่ แต่ต่อมาได้มีการออกแบบเลกาซีรุ่นพิเศษ โดยที่จะเน้นสมรรถนะให้สูงกว่ารถยนต์ขนาดกลางรุ่นอื่นๆ เช่น ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เครื่องยนต์เทอร์โบ บ็อกเซอร์สูบนอน ฯลฯ ปรากฏว่า เลกาซีรุ่นพิเศษนั้น ถูกนำไปเปรียบเทียบว่ามีความใกล้เคียงกับรถยนต์นั่งประเภทหรูหราระดับต้น หลายรุ่น เช่น เอาดี้ เอ4, อัลฟา โรเมโอ 159 และ บีเอ็มดับเบิลยู 3 ซีรีส์ ในเรื่องต่างๆ ดังนั้น การออกแบบเลกาซีทำให้ซูบารุได้รับการยอมรับและชื่นชมอย่างกว้างขวาง เมื่อซูบารุนำพื้นฐานการออกแบบของเลกาซี ไปออกแบบรถรุ่นใหม่หลายรุ่น เช่น Tribeca และ Outback ก็สามารถประสบความสำเร็จไม่น้อย รวมกับการที่รถรุ่นอื่นๆ ของซูบารุ จะเน้นไปที่การผลิตรถยนต์ขนาดเล็ก ทำให้เลกาซี ได้เป็นรถธง ของซูบารุ ที่ประสบความสำเร็จในวงกว้าง

เลกาซี มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจากรุ่นแรกถึงปัจจุบัน แบ่งได้ 7 รุ่น ดังนี้

รุ่นที่ 1 (BC/BF/BJ; พ.ศ. 2532-2537)

[แก้]
ซูบารุ เลกาซี รุ่นที่ 1
ซูบารุ เลกาซี วากอน รุ่นที่ 1
Subaru Liberty sedan (BC; ปรับโฉม)
Subaru Liberty station wagon (BF; ปรับโฉม)

เลกาซี เปิดตัวครั้งแรก ด้วยราคาแนะนำ 2.55 ล้านเยน (ประมาณ 18,800 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยนในปีนั้น)[1] ในช่วงนั้น ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นระดับผู้นำตลาดหลายราย ได้มีการสร้างรถยนต์ยี่ห้อใหม่เป็นของตนเอง ซึ่งจะเน้นไปที่การผลิตรถยนต์ประเภทหรูหรา เครื่องยนต์กำลังแรงสูง วี6 วี8 เช่น ฮอนด้า เปิดยี่ห้อ แอคิวรา, โตโยต้า เปิดยี่ห้อ เล็กซัส, นิสสัน เปิดยี่ห้อ อินฟินิที, มาสด้า เปิดยี่ห้อ อมาติ ยูโนส ซีดอส และแองฟินิ ส่วนซูบารุนั้นไม่มี แต่อย่างไรก็ตาม ซูบารุออกแบบเลกาซีมาให้มีความหรูหรา และล้ำหน้าอยู่พอสมควร

เลกาซี มีค่าความต้านทางอากาศ Cd ต่ำกว่ารถรุ่นอื่นๆ ที่ซูบารุเคยผลิต เพราะการออกแบบให้มีความโค้งมน ส่วนเครื่องยนต์ ใช้เครื่องยนต์ Boxer 4 สูบ ความจุ 1.8 ลิตร หัวฉีดซิงเกิ้ลพอยท์, 2.0, และ 2.2 ลิตร หัวฉีดมัลติพอยท์ ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าหรือระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (ซึ่งหาได้ยากในรถขนาดกลาง) มีกระจกไฟฟ้า, พวงมาลัยเพาเวอร์, ช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ (2 ล้อหน้า ใช้ แมคเฟอร์สันสตรัท, 2ล้อหลัง ใช้แชปแมนสตรัท), เซ็นทรัลล็อก, ดิสก์เบรก 4 ล้อ และ Air suspension ควบคุมความสูงของรถ ซึ่งจะทำให้รถเตี้ยลงอัตโนมัติเมื่อวิ่งเร็วกว่า 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำให้ลมที่ผ่านใต้ท้องรถน้อยลง ลดอาการเหินหรือลอยขณะวิ่งด้วยความเร็วสูง และเมื่อผู้ขับต้องการขับบนทางวิบาก ก็จะสามารถสั่งให้รถยกสูงขึ้นได้

เลกาซีมีตัวถัง 2 แบบใหญ่ๆ คือ ซีดาน 4 ประตู และวากอน 5 ประตู ซึ่งวากอน จะมีพื้นที่บรรทุกสัมภาระกับน้ำหนักโดยรวมของรถมากกว่าและต้านลมมากกว่า เครื่องยนต์ที่ให้กำลังสูงที่สุดที่มีให้เลือกในเลกาซีแบบซีดาน ซึ่งมีเฉพาะในญี่ปุ่นและประเทศไทยเท่านั้น คือ EJ20G เครื่องยนต์ Boxer 4 สูบ 2.0 ลิตรดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟต์ พร้อมเทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุด 220PS ซึ่งต่อมา ซูบารุได้นำไปใช้กับรถยนต์นั่งขนาดเล็กของซูบารุรุ่นหนึ่ง คือ อิมเพรสซ่า กลายเป็น อิมเพรสซ่า WRX จนถึงปัจจุบัน

รุ่นที่ 2 (BD/BG/BK; พ.ศ. 2537-2542)

[แก้]
ซูบารุ เลกาซี รุ่นที่ 2
ซูบารุ เลกาซี วากอน รุ่นที่ 2
ซูบารุ เลกาซี เอาท์แบค รุ่นแรก

เลกาซีรุ่นที่ 2 เปิดตัวด้วยราคา 2.75 ล้านเยน (ประมาณ 25,250 ดอลลาร์สหรัฐ)[2] ในช่วงปี 2539 เป็นต้นมา เลกาซีรวมไปถึงรถยนต์ซูบารุทุกรุ่นที่ขายในสหรัฐอเมริกา ได้ยกเลิกการใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อถือเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ใช้ทุกคัน ส่วนเลกาซีในภูมิภาคอื่น ยังมีให้เป็นตัวเลือก และยังมีการนำพื้นฐานของเลกาซี ออกแบบเป็นซูบารุ เลกาซี แกรนด์ วากอน ซึ่งต่อมาได้พัฒนาไปเป็น ซูบารุ เอาท์แบ็ค (Subaru Outback) แต่อย่างไรก็ตาม เลกาซีรุ่นที่ 2 ไม่มีระบบ Air suspension

เลกาซีรุ่นที่ 2 ถุงลมนิรภัยคู่หน้าถูกบรรจุเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน มีระบบทำความร้อนเบาะหนัง และอื่นๆ อีกเล็กน้อย แต่ในช่วงนี้ เลกาซีที่ขายในสหรัฐ เป็นเครื่องยนต์จะเป็นแบบประจุอากาศด้วยตนเอง (naturally-aspired engine) ซึ่งแปลง่ายๆ ว่าเป็นเครื่องยนต์ที่ไม่ติดเทอร์โบ

รุ่นที่ 3 (BE/BH; พ.ศ. 2541-2547)

[แก้]
ซูบารุ เลกาซี รุ่นที่ 3
ซูบารุ เลกาซี วากอน รุ่นที่ 3
ซูบารุ เลกาซี เอาท์แบค รุ่นที่ 2

เลกาซีรุ่นที่ 3 ได้ยกเลิกระบบขับเคลื่อนล้อหน้าลงทั้งหมดในทุกตลาด ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นอุปกรณ์พื้นฐานของเลกาซีทั่วโลกตั้งแต่รุ่นนี้เป็นต้นไป ในช่วงรุ่นที่ 3 เลกาซีมีเครื่องยนต์หลายขนาด หนึ่งในนั้นคือ เครื่องยนต์ Boxer 6 สูบ 3.0 ลิตร เป็นครั้งแรกที่เลกาซีมีเครื่องยนต์ Boxer 6 สูบ และในปี 2543 ยังมีการเพิ่มอุปกรณ์ Daytime running lamp ซึ่งจะเป็นหลอดไฟฟ้าแบบไดโอดเปล่งแสง จะทำงานอัตโนมัติเมื่อติดเครื่องในช่วงกลางวัน เพิ่มการมองเห็นสำหรับผู้ขับขี่คันอื่น และเมื่อเปิดไฟหน้ากลางคืนแล้ว ก็จะหรี่ลง ช่วยเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งสหภาพยุโรป ได้ประกาศให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานบังคับสำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ที่จะเข้าจำหน่ายตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นไป

นอกจากนี้เลกาซียังมีระบบกรองอากาศที่ดีกว่าเดิม พร้อมระบบเกียร์แบบกึ่งอัตโนมัติ ซึ่งให้ผู้ขับขี่สามารถปรับเปลี่ยนการขับขี่ได้ทั้งแบบเกียร์อัตโนมัติ และแบบเกียร์ธรรมดาเมื่อต้องการ

รุ่นที่ 4 (BL/BP; พ.ศ. 2546-2552)

[แก้]
ซูบารุ เลกาซี รุ่นที่ 4
ซูบารุ เลกาซี เอสเตท รุ่นที่ 4
ซูบารุ เอาท์แบค รุ่นที่ 3

เลกาซีรุ่นที่ 4 เป็นรุ่นแรกและรุ่นเดียวของซูบารุ ที่ได้รับรางวัลรถยนต์นั่งยอดเยี่ยมแห่งปีของประเทศญี่ปุ่นประจำปี 2546-2547 (2003–2004 Car of the Year Japan) และเลกาซีรุ่นที่ 4 ยังได้รับรางวัลออโตโมบิลรวมดาราประจำปี 2548 (2005 Automobile All-Stars) ในสาขารถครอบครัว จากนิตยสาร ออโตโมบิล ของสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้เครื่องยนต์ EJ255 ในเลกาซีรุ่นที่ 4 และ อิมเพรสซ่า WRX รุ่นที่2 ยังได้รับรางวัลรางวัลเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมสากลหรือ International Engine Of The Year ประจำปี 2549 ในสาขาเครื่องยนต์ความจุระหว่าง 2,000 - 2,500 ซีซี อีกด้วย เป็นเลกาซีรุ่นแรกที่มีเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด (ส่วนเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และธรรมดา 5 สปีด ก็ยังคงผลิตอยู่) และเครื่องยนต์แบบเทอร์โบกลับมาใช้อีกครั้งในอเมริกา หลังจากยุติลงไปในช่วงรุ่นที่ 2

Subaru Liberty sedan (BL; ปรับโฉม)
Subaru Legacy Sports Tourer (BP; ปรับโฉม)

ในปี 2551 ซูบารุได้ใส่อุปกรณ์ใหม่ในเลกาซี คือ EyeSight โดยจะเป็นกล้องมองหน้า ติดอยู่ที่กระจกข้าง 2 ข้าง แล้วจับภาพเป็นภาพ 3 มิติ ด้วยหลักการเดียวกับดวงตาของมนุษย์ และรับรู้ได้ถึงระยะห่างระหว่างรถคันหน้า ซึ่งจะคอยควบคุมหรือเตือนผู้ขับขี่ได้หากเข้าใกล้มากเกินไป ซึ่งส่วนใหญ่จะพบในเลกาซีในญี่ปุ่นเท่านั้น[3] และในปีเดียวกัน เลกาซีรุ่นที่ 4 ในสหรัฐฯ ในรุ่น 2.5i ได้ผ่านมาตรฐานไอเสียบางตัวเป็นศูนย์ (Partial Zero-Emissions Vehicle;PZEV) ซึ่งแปลว่า ระบบเชื้อเพลิงออกแบบได้ดี ไม่มีการระเหยของเชื้อเพลิงหรือก๊าซต่างๆ ระหว่างกระบวนการเผาไหม้ ตั้งแต่ถังน้ำมัน เครื่องยนต์ จนถึงก่อนจะออกจากท่อไอเสียไม่เกิดการรั่วซึมเลย ส่วนรุ่นอื่นๆ ได้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานไอเสียต่ำสหรัฐอเมริกาเฟสที่ 2 (Low-Emissions Vehicle;LEV) ซึ่งแปลว่าการเผาไหม้โดยรวมค่อนข้างสมบูรณ์ ทำให้ปริมาณไอเสียโดยรวมทุกตัวออกมาต่ำ (ตามหลักเคมี หลังการเผาไหม้นั้น จะต้องได้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ รถยนต์ที่เผาไหม้ไม่สมบูรณ์นัก จะทำให้เกิดก๊าซพิษปนออกมาพร้อมกับคาร์บอนไดออกไซด์ เช่น คาร์บอนมอนอกไซด์ และอื่นๆ ซึ่งเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตมากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์หลายเท่าตัว แต่รถที่ผ่าน LEV จะต้องมีกระบวนการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ ไอเสียมีก๊าซพิษปนออกมาในอัตราว่วนที่ต่ำ แต่มาตรฐาน LEV ไม่ใช่มาตรฐานประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงแต่อย่างได รถที่ใช้น้ำมันอย่างสิ้นเปลืองมาก ถ้ามีก๊าซพิษปนออกมาในอัตราส่วนที่ต่ำ สามารถได้มาตรฐานนี้ได้)

รุ่นที่ 5 (BM/BR; พ.ศ. 2552-2557)

[แก้]
ซูบารุ เลกาซี รุ่นที่ 5
ซูบารุ เลกาซี เอสเตท รุ่นที่ 5
ซูบารุ เอาท์แบค รุ่นที่ 4

เลกาซีรุ่นที่ 5 เปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 มีจุดเด่นอยู่ที่ระบบเกียร์ ซูบารุได้เปลี่ยนให้เลกาซี และรุ่นอื่นๆ อีก 2 รุ่น เปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ ไปใช้เกียร์อัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือ CVT (Continuously Variable Transmissions) โดยที่ได้ออกแบบใหม่ เป็นเกียร์ CVT แบบ Lineartronic ซึ่งได้แก้ปัญหาของเกียร์ CVT รุ่นอื่นๆ ที่ใช้สายพาน ซึ่งมีอายุการใช้งานจำกัด และอาจมีปัญหาจุกจิกในการใช้งาน โดยเปลี่ยนมาใช้เข็มขัดโลหะ ซึ่งทำให้อายุการใช้งานนานกว่าเดิมมาก และโอกาสพบปัญหาก็มีน้อย และระบบพูเลย์ได้รับการออกแบบใหม่ และเกียร์ CVT สามารถจดจำอัตราทดที่จะตั้งค่าจากโรงงานได้ 6 ระดับ ซึ่งจะนำมาใช้เมื่อผู้ขับขี่เปิดโหมดเกียร์ธรรมดา ดังนั้นเกียร์ CVT ของเลกาซี จึงเป็นได้ทั้งเกียร์อัตโนมัติ ที่อัตราทดแปรผันต่อเนื่อง และเกียร์ธรรมดาได้ในคันเดียวกัน และสามารถประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดี[4]รุ่นนี้มีเกียร์คือเกียร์ CVT,5 สปีด อัตโนมัติ,6 สปีด ธรรมดา ตัวถังมีให้เลือก คือ 4 ประตู,5 ประตู เครื่องยนต์มีให้เลือก คือ 2.0,2.5,3.6

เลกาซีรุ่นที่ 5 ผ่านมาตรฐานมลพิษในไอเสียของยุโรประดับ 5 (Euro 5) และได้มาตรฐาน PZEV ในสหรัฐอเมริกา ส่วนในประเทศไทยนั้น ปัจจุบัน ซูบารุ เลกาซี ได้ยุติการจำหน่ายในปี 2557 โดยรุ่นหลักที่นำมาขายมี 3 รุ่น โดยในช่วงแรกของการจำหน่าย มีให้เลือกเพียง เลกาซี วากอน เครื่องยนต์ 2000 ซีซี ให้กำลัง 150 แรงม้า ไม่มีระบบอัดอากาศ โดยจำหน่ายประมาณ 2 ล้านบาท[5] จากนั้นจึงเปิดตัว เลกาซี เอาท์แบ็ค เครื่องยนต์ 2500 ซีซี ให้กำลัง 175 แรงม้า ไม่มีระบบอัดอากาศ โดยจำหน่ายประมาณ 2.5 ล้านบาท และช่วงปีท้ายๆ ของการจำหน่าย มีจำหน่ายเฉพาะ เลกาซี (ซีดาน 4 ประตู) เครื่องยนต์ 2500 ซีซี พร้อมระบบอัดอากาศ ให้กำลังสูงถึง 265 แรงม้า โดยจำหน่ายประมาณ 3.9 ล้านบาท ส่วนรุ่นที 6 ทางตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยไม่ได้สั่งเข้ามาจำหน่าย

เลกาซีรุ่นที่ 5 ที่ใช้เครื่องยนต์ 2500 ซีซี พร้อมระบบอัดอากาศ ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Sleeper ซึ่งหมายถึงรถที่มีสมรรถนะการขับขี่ที่สูง แต่ภายนอกนั้นเหมือนรถบ้านทั่วไป

รุ่นที่ 6 (BN/BS; พ.ศ. 2557-2562)

[แก้]
2015 Subaru Liberty 2.5i (รุ่นที่ 6)
2015 Subaru Liberty 2.5i (รุ่นที่ 6)
ซูบารุ เอาท์แบค รุ่นที่ 5

Subaru Legacy รุ่นที่ 6 จ่อเปิดตัวที่ Chicago Auto Show ฟูจิเฮฟวี่อินดัสทรีส์ เจ้าของแบรนด์รถยนต์ซูบารุ ได้ออกมาประกาศว่าจะมีงานแถลงเปิดตัว Subaru Legacy รุ่นใหม่ล่าสุดในงานชิคาโก้ออโต้โชว์ ที่บริเวณบูธของซูบารุในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ ซูบารุ เลกาซี่ เป็นรถซีดานขนาดกลาง ซึ่งถือเป็นโมเดลแฟลกชิพอีกรุ่นของซูบารุเลยก็ว่าได้ เลกาซี่โฉมใหม่นี้จะมาพร้อมกับสมรรถนะการขับขี่ที่ถูกปรับปรุงขึ้นจากรุ่นก่อน เพิ่มความสะดวกสบาย อ็อพชั่นที่มากขึ้น และสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของค่ายซูบารุ ซึ่งเป็นสิ่งที่ซูบารุเคยกล่าวไว้เมื่อครั้งเปิดตัวรถคอนเซ็พท์ที่ LA Auto Show ปีที่แล้ว.

รุ่นที่ 7 (BW/BT; พ.ศ. 2562–2568)

[แก้]
2020 Subaru Legacy at the Canadian International Auto Show (รุ่นที่ 7)
ด้านหน้า
ด้านหลัง
ซูบารุ เอาท์แบค รุ่นที่ 6

Subaru Legacy โฉมล่าสุด จ่อเปิดตัวที่ 2019 Chicago Auto Show ฟูจิเฮฟวี่อินดัสทรีส์ เจ้าของแบรนด์รถยนต์ซูบารุ ได้ออกมาประกาศว่าจะมีงานแถลงเปิดตัว Subaru Legacy รุ่นใหม่ล่าสุดในงานชิคาโก้ออโต้โชว์ ที่บริเวณบูธของซูบารุในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 รุ่นใหม่เจนเนอเรชั่น 7 มาแบบเรียบๆ แต่เน้นเทคโนโลยี ซูบารุเปิดตัวคอมแพคท์คาร์ Subaru Legacy รุ่นใหม่แบบ All-Newเจนเนอเรชั่นที่ 7 ในงาน 2019 Chicago Auto Show เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แม้ว่าตัวรถจะมีการปรับภาพลักษณ์ใหม่ทั้งภายนอกและภายใน แต่ดูเหมือนว่ามันจะน้อยไปสักหน่อยในการเติมความเร้าใจเพื่อลงต่อสู้กับคู่แข่งหลักๆ อย่าง Honda Accord, Mazda 6 หรือ Toyota Camry ที่เปิดตัวกันไปก่อนหน้า โดยรวม Legacy ใหม่มีลักษณะเป็นทรงลิ่มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย กระจังหน้าและชายล่างแทบจะเหมือนเดิม โป่งล้อกว้างขึ้นเล็กน้อย ด้านข้างไล่แนวด้วยเส้นที่ลากยาวไปทางด้านท้ายเพื่อยกแนวฝากระโปรงหลังขึ้นนิดหน่อย กระจกมองข้างออกแบบฐานรองใหม่ และมีล้ออัลลอยลายใหม่ทรงก้านกังหันให้เป็นจุดจับสังเกต

ยุติการผลิต

[แก้]

Subaru Legacy นับเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่มีความสำคัญต่อ Subaru of America เนื่องจากเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ประกอบขึ้นที่นั่นจากโรงงานใน Lafayette เมืองหนึ่งของรัฐ Louisiana ตั้งแต่ปี 1989 หรือเมื่อ 36 ปีก่อน และออกจำหน่ายเรื่อยมาจนมียอดขายสะสมมากกว่า 1.3 ล้านคัน ทั้งยังมีสถิติด้วยว่ามากกว่า 94% ของ Subaru Legacy ในสหรัฐฯ ที่ออกขายทั้งหมดยังคงวิ่งใช้งานอยู่ที่นั่น

Subaru Legacy ตัวถังปัจจุบัน นับเป็น generation ที่ 7 เปิดตัวในปี 2020 มียอดขายเฉลี่ยปีละ 25,000 คัน ซึ่งถือว่าน้อยกว่าปี 2016 ซึ่งเป็นปีที่รถยนต์รุ่นนี้มียอดขายสะสมสูงสุดในประวัติศาสตร์ที่ 65,306 คัน ซ้ำด้วยยอดขายในไตรมาสแรกปี 2024 ที่ Subaru Legacy มียอดขายที่นั่น 4,398 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 13.1% และติดอยู่อันดับ 3 ของ Subaru รุ่นที่ขายได้น้อยสุด ตามหลัง Solterra และ BRZ

ทั้งหมดนี้ นำไปสู่การประกาศในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า Subaru Legacy จะยุติการผลิตที่สหรัฐฯ ในฤดูใบไม้ผลิปี 2025 หรือราวเดือนมีนาคม – พฤษภาคม โดยบริษัทให้เหตุผลว่าเป็นเพราะตลาดเปลี่ยนความสนใจจากรถยนต์นั่งไปเป็น SUV และ Crossover แทน นอกจากนั้น Subaru ยังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนถ่ายเข้าสู่ยุครถยนต์ขุมพลังพ่วงระบบไฟฟ้าด้วย

สำหรับ Subaru Legacy รุ่นสุดท้ายที่ออกขายในสหรัฐฯ นับเป็นรุ่นปี 2025 ไม่มีอะไรต่างจากรุ่นปี 2024 และมีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ EyeSight ติดตั้งเป็นมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย สนนราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่นั่น 26,015 USD (ราว 968,000 บาท) และหลังจากที่ตำนาน Subaru Legacy สิ้นสุดลง Subaru of Indiana โรงงานที่รับผิดชอบการผลิตรถยนต์รุ่นนี้ จะเปลี่ยนไปผลิต Outback, Ascent และ Crosstrek แทน

อ้างอิง

[แก้]
  1. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-10-09. สืบค้นเมื่อ 2010-12-10.
  2. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-10-09. สืบค้นเมื่อ 2010-12-10.
  3. Japan's Subarus get Stereoscopic Vision
  4. "ทดลองขับ Subaru LEGACY Wagon 2.0i CVT AWD 2009 : 15.6 กม./ลิตร กับ "ป้าอ้วน" !? บ้าไปแล้ว!! โดย J!MMY". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-12-09. สืบค้นเมื่อ 2010-12-10.
  5. "ราคารถซูบารุรุ่นต่างๆ ในปัจจุบัน" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2010-12-18. สืบค้นเมื่อ 2010-12-10.

ดูเพิ่ม

[แก้]